การเลือกใช้พรมสำหรับบ้านหรือสำนักงานขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การใช้งาน สไตล์ การดูแลรักษา และงบประมาณ นี่คือคำแนะนำในการเลือกใช้พรม:
พรมทอมือ (Hand-Tufted Rugs):
ข้อดี: มีลวดลายและสีสันที่หลากหลาย นุ่มและหรูหราข้อเสีย: ราคาแพงและต้องการการดูแลรักษามาก
พรมทอเครื่อง (Machine-Made Rugs):
ข้อดี: ราคาไม่แพง หาซื้อง่าย มีความทนทานข้อเสีย: ลวดลายอาจไม่ละเอียดเท่าพรมทอมือ
พรมขนสั้น (Low-Pile Rugs):
ข้อดี: ทนทาน ทำความสะอาดง่าย เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการเดินบ่อยข้อเสีย: อาจไม่ได้นุ่มเท่าพรมขนยาว
พรมขนยาว (High-Pile/Shag Rugs):
ข้อดี: นุ่มสบาย เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีการเดิน เช่น ห้องนอนข้อเสีย: ทำความสะอาดยากกว่าพรมขนสั้น
ขนสัตว์ (Wool):
ข้อดี: ทนทาน นุ่มสบาย ทนต่อคราบสกปรกและน้ำข้อเสีย: ราคาแพง ต้องการการดูแลรักษา
ใยสังเคราะห์ (Synthetic Fibers เช่น Nylon, Polyester, Olefin):
ข้อดี: ราคาไม่แพง ทนทาน ทำความสะอาดง่ายข้อเสีย: อาจไม่ได้นุ่มเท่าขนสัตว์ และอาจไม่ทนทานเท่า
ใยธรรมชาติ (Natural Fibers เช่น Jute, Sisal, Cotton):
ข้อดี: เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีลักษณะเฉพาะตัวข้อเสีย: อาจไม่ทนทานเท่าใยสังเคราะห์ หรือขนสัตว์
ห้องนั่งเล่น (Living Room): พรมควรใหญ่พอที่จะครอบคลุมพื้นที่ใต้โซฟาและโต๊ะกลาง อย่างน้อยขอบพรมควรอยู่ใต้ขาโซฟาห้องนอน (Bedroom): พรมควรอยู่ใต้เตียงและยื่นออกมารอบๆ เพื่อให้คุณสามารถสัมผัสพรมได้เมื่อคุณลุกจากเตียงห้องอาหาร (Dining Room): พรมควรใหญ่พอที่จะครอบคลุมทั้งโต๊ะอาหารและเก้าอี้เมื่อเลื่อนออก
ลวดลายและสี: เลือกตามสไตล์การตกแต่งภายในของคุณ ถ้าคุณมีเฟอร์นิเจอร์ที่มีลวดลายและสีสันสดใส ควรเลือกพรมที่มีลวดลายเรียบง่าย
สี: สีอ่อนทำให้ห้องดูใหญ่ขึ้นและสว่างขึ้น แต่ต้องทำความสะอาดบ่อย สีเข้มซ่อนคราบและสิ่งสกปรกได้ดีกว่า
พรมทนทาน: เลือกพรมที่ทนทานและทำความสะอาดง่ายสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานบ่อย เช่น ห้องนั่งเล่นหรือห้องเด็กพรมหรูหรา: เลือกพรมที่นุ่มและสวยงามสำหรับพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีการเดิน เช่น ห้องนอน
กำหนดงบประมาณที่คุณต้องการใช้และพยายามหาเลือกพรมที่เหมาะสมในงบประมาณนั้น ควรพิจารณาคุณภาพของพรมด้วยเพื่อให้ได้พรมที่ทนทานและคุ้มค่าในระยะยาว
การเลือกใช้พรมที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสวยงามและความสบายให้กับบ้านของคุณ และการดูแลรักษาพรมอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของพรมให้ยาวนานขึ้น
การทำความสะอาดพรมอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้พรมของคุณดูสะอาดและใหม่อยู่เสมอ นี่คือขั้นตอนและวิธีการทำความสะอาดพรมที่คุณสามารถทำได้:
ดูดฝุ่น (Vacuuming):ดูดฝุ่นพรมอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งดูดฝุ่นทั้งสองด้านของพรม เพื่อกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจสะสมอยู่ใต้พรม
การล้างพรม (Carpet Cleaning):
ใช้น้ำยาทำความสะอาดพรม: ใช้น้ำยาทำความสะอาดพรมที่เหมาะสมกับชนิดของพรมขั้นตอนการล้าง:ผสมน้ำยาทำความสะอาดพรมกับน้ำตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ใช้แปรงหรือฟองน้ำถูน้ำยาลงบนพรมให้ทั่วใช้น้ำสะอาดล้างออก เพื่อกำจัดคราบน้ำยาใช้เครื่องดูดน้ำ หรือผ้าสะอาดเช็ดน้ำออกจนพรมแห้ง
การใช้เครื่องซักพรม (Carpet Cleaning Machine):
เช่าเครื่องซักพรมหรือซื้อเครื่องซักพรมที่เหมาะสมกับการใช้งานในบ้านทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตในการใช้เครื่องซักพรมใช้น้ำยาทำความสะอาดที่แนะนำและทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้
การกำจัดคราบเฉพาะจุด (Spot Cleaning):คราบน้ำมันหรือไขมัน: ใช้ผ้าซับคราบแล้วโรยแป้งเด็กหรือเบกกิ้งโซดาทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วดูดฝุ่นออกคราบน้ำหวานหรือกาแฟ: ผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำเปล่าแล้วใช้ผ้าซับคราบออก จากนั้นใช้น้ำสะอาดซับซ้ำคราบหมึก: ใช้น้ำยาล้างเล็บที่ไม่มีสารอะซิโตน เช็ดเบา ๆ แล้วใช้ผ้าสะอาดซับออก
การป้องกันพรมจากการสกปรก:
ใช้พรมเช็ดเท้าที่ประตูทางเข้าออกหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าเดินในบ้านวางผ้ารองพรมในบริเวณที่มีการเดินบ่อยครั้ง
การคืนสภาพพรม (Reviving Carpet Pile):
ใช้แปรงขนสั้นหรือแปรงไฟฟ้าแปรงพรมเพื่อคืนสภาพขนพรมสำหรับพรมที่ขนยุบ ควรวางผ้าชุบน้ำร้อนทับบริเวณนั้นแล้วใช้เตารีดไอน้ำรีด
ตรวจสอบคำแนะนำจากผู้ผลิตพรมเกี่ยวกับการทำความสะอาดพรมชนิดนั้น ๆหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่รุนแรงหรือไม่ได้รับการแนะนำ เพราะอาจทำให้พรมเสียหายถ้าพรมมีความสกปรกมากหรือมีคราบที่ลบไม่ออก ควรเรียกใช้บริการทำความสะอาดพรมจากผู้เชี่ยวชาญ
การดูแลพรมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาความสวยงามของพรมไว้ได้ในระยะยาว
การทำความสะอาดลึกเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การล้างพรมด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมกับชนิดของพรมจะช่วยกำจัดคราบและสิ่งสกปรกที่ฝังลึก ใช้น้ำยาทำความสะอาดตามคำแนะนำของผู้ผลิตและอย่าลืมล้างน้ำยาที่ใช้หลังจากทำความสะอาด
หากพรมมีคราบเฉพาะจุด เช่น คราบน้ำมันหรือกาแฟ ให้ใช้วิธีการกำจัดคราบเฉพาะที่เหมาะสม เช่น การใช้ผ้าซับคราบแล้วโรยแป้งเด็กหรือเบกกิ้งโซดา จากนั้นดูดฝุ่นหรือเช็ดคราบออก การทำความสะอาดคราบในทันทีจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดคราบถาวร
การดูแลรักษาพรมยังรวมถึงการป้องกันพรมจากการสกปรก เช่น การใช้พรมเช็ดเท้าที่ประตูทางเข้าออกและหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าเดินในบ้าน การวางผ้ารองพรมในพื้นที่ที่มีการเดินบ่อยครั้งจะช่วยลดการสึกหรอของพรม
หากพรมมีความสกปรกมากหรือมีคราบที่ยากจะลบออก การเรียกใช้บริการทำความสะอาดพรมจากผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นทางเลือกที่ดี พวกเขามีอุปกรณ์และเทคนิคในการทำความสะอาดที่สามารถจัดการกับคราบและสิ่งสกปรกที่ลึก
การคืนสภาพพรมสามารถทำได้โดยการใช้แปรงขนสั้นหรือแปรงไฟฟ้าแปรงพรม เพื่อคืนสภาพขนพรมที่อาจยุบตัวไปจากการใช้งาน